Enhanced Ghost Header with Universal Hamburger Menu
VITAL MASTERY
VITAL MASTERY
บทความ

Flow State - คำอธิบายว่าทำไมเมื่อคุณทำสิ่งที่รัก คุณรู้สึกสงบ มีความสุข และชีวิตมีคุณค่า

สู่การใช้ชีวิตอย่างมีความหมายที่แท้จริง

Flow State - คำอธิบายว่าทำไมเมื่อคุณทำสิ่งที่รัก คุณรู้สึกสงบ มีความสุข และชีวิตมีคุณค่า

บทนำ

ผมเพิ่งไปดูหนังเรื่อง F1 มาครับ

ความสุดยอดของหนังเรื่องนี้ เกิดจากการทำงานเป็นร่วมกันของ

  • ทีมงาน: นำผู้กำกับ คนเขียนบท คนถ่ายภาพ คนตัดต่อ ที่ยกทีมมาจากหนัง Top Gun: Maverick เกือบทั้งหมด
  • ความช่วยเหลือของ Apple: นำองค์ความรู้วิศวกรรมด้านการผลิตชิ้นส่วนของกล้องถ่ายภาพ จนเกิด immersive experience ขณะดูฉากแข่งรถ เหมือนได้เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเอง
  • ความช่วยเหลือของ Lewis Hamilton: หนึ่งในทีม Producers ที่ตามข่าวบอกว่า “ใช้ connection ติดต่อเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งวงการ” เพื่อกล่อมให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดงานแข่ง F1 ทั่วโลก ยอมให้หนังเรื่องนี้มาถ่ายทำในสนามแข่งจริง เดิมทีทาง F1 ไม่อยากให้ถ่ายหนังเลย เพราะกลัวรบกวนการทำงานของทีมงานและอาจรบกวนนักแข่ง แต่ในที่สุดก็ยินยอมและ ”ให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก“ กับการถ่ายทำ.

รีวิว F1 แบบสั้น ๆ

  • ผลลัพธ์ของการทำงานร่วมกัน คือ หนังสนุกมากกกก
  • สนุกระดับเดียวกับ Top Gun

จุดที่ประทับใจอย่างมาก

ส่วนตัวรู้สึกอิน "สาร" (message) ที่หนังพยายามสื่อถึงคนดูประเด็นหนึ่ง คือ การทำสิ่งที่รักโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงิน

ตลอดหนังทั้งเรื่อง มีตัวละครหลายคน ในแต่ละช่วงเวลาของหนัง ถามพระเอกที่เล่นโดย Brad Pitt ว่า

  • Q: “งานนี้อาจไม่ได้เงินเยอะนะ” ?
  • A: “ไม่เป็นไรครับ…ขอให้ผมได้ลงแข่ง”
  • Q: “แน่ใจนะ” ?
  • A: “แน่ใจ จะเริ่มซ้อมและแข่งเมื่อไหร่ครับ”

เรื่องราวในหนัง

พระเอกไม่ใช่คนรวยแต่อย่างใด

ที่จริงแล้ว ไม่ใกล้เคียงกับคำว่ามีเงินเหลือเก็บด้วยซ้ำ

ก่อนหน้ามาแข่ง F1 ในครั้งนี้ พระเอกใช้ชีวิตเหมือนฮิปปี้ ขับรถแวนไปตามเมืองต่าง ๆ ตกค่ำก็นอนบนรถ เพื่อตระเวนแข่งรถรายการท้องถิ่น บางรายการไม่มีคนดูด้วยซ้ำ

เมื่อมีคนถามว่า “ทำแบบนี้ไปทำไม”ตัวเอกของเรายิ้ม เงียบ และไม่ได้ตอบคำถามอะไร

มีครั้งเดียวเท่านั้นที่พระเอกยอมตอบ

ช่วงองค์สามของหนัง นางเอกสงสัยและถามคำถามเดียวกัน คือ

"ในเมื่อไม่ได้เงิน จะทำไปเพื่ออะไร"

พระเอกตอบว่า เพราะเขารู้สึกว่า ช่วงเวลาที่เขาขับรถแข่ง คือ ช่วงเวลาที่เขารู้สึกตกอยู่ภาวะ “Flow State”

แม้ทั้งชีวิตของพระเอก เหตุการณ์ "Flow State" เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

และตัวเอกยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองประสบพบเจอกับภาวะ flow state อีกครั้ง

ภาวะ "Flow State" ในความหมายของพระเอก คือ ช่วงเวลาที่เขาได้ขับรถแข่ง แม้จะความเร็วเพิ่มขึ้นเพียงใด แต่ทุกสิ่งรอบตัวเขากลับ “สงบลง” หัวใจเขาเต้นช้าลง เหมือนเขารู้สึกล่องลอย หรือบินได้

แม้ว่าความเร็วนั้นจะอันตรายถึงชีวิต พระเอกก็ยอม

เมื่อหนังเฉลย ถึงตรงนี้ สารภาพว่า อินจนน้ำตาไหล

ยอมจ่ายทุกราคา เพื่อได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

ในความเป็นจริงแล้ว

ภาวะ Flow State เกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ มาหาคำตอบกันทำอย่างไร


ทำไมสมองคนเราถึงเกิดภาวะ Flow State ขึ้นมาได้

ในทางประสาทวิทยา (neuroscience)

Flow state คือ สภาวะที่สมองและร่างกายทำงานสอดคล้องกันอย่างมาก เกิดสมาธิสูง

ผลที่ได้ คือ เกิดประสิทธิภาพสูงในการทำสิ่งนั้น

คล้ายกับที่คนทั่วไปเวลาพูดว่า เวลาทำสิ่งที่รัก รู้สึกทำได้ดี ทำเพลินจนไม่รู้สึกถึงเวลา ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย หรือ ไม่สังเกตสิ่งรบกวนรอบข้าง

กลไกของสมองที่อยู่เบื้องหลังภาวะ “Flow State”

เมื่อได้ทำสิ่งที่รัก ขณะทำจะรู้สึก Concentrate ได้ดีมาก เพราะ

  • สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ทำงานลดลงชั่วขณะ (Transient Hypofrontality) โดยเฉพาะด้าน Dorsolateral ของ Prefrontal Cortex ที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ การควบคุมตนเอง และการรับรู้ตัวตน
  • เมื่อสมองส่วนนี้ “ลดระดับการทำงาน” ลงชั่วคราว → สมองจะหลุดพ้นจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองภายในจิตใจ (inner critic)
  • ส่งผลให้ ขณะทำสิ่งที่รัก จะไม่รู้สึกเขินอายหรือกลัวผิดพลาดตรงกันข้าม เกิดความรู้สึกมั่นใจ ปล่อยวาง และเป็นอิสระเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ฮอร์โมนแห่งความสุขก็หลั่งด้วย

  • ขณะทำสิ่งที่รัก สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารสื่อประสาท Dopamine จะทำงานมากขึ้น
  • ส่งผลให้ สมองหลั่ง Dopamine เพิ่มมากขึ้น → เกิดแรงจูงใจจากการได้รับรางวัลและความสุขแบบ “สนุก” ตามมา

ที่จริงแล้ว สมองยังมีกลไกอีกมากมาย ที่ทำให้เกิดภาวะ Flow State

ได้แก่

สารสื่อประสาทในสมองหลายตัวเพิ่มขึ้น

  • Norepinephrine ↑ : ทำให้ตื่นตัวและมีสมาธิสูงขึ้น
  • Endorphins ↑: ลดความเจ็บปวด และสร้างความรู้สึกดี
  • Anandamide ↑: ทำให้เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และการเชื่อมโยงข้อมูลแบบ “คิดนอกกรอบ”
  • Serotonin ↑ (ในบางกรณี): ส่งเสริมอารมณ์ดี เกิดความสุขแบบ “สงบ” หลังจบกิจกรรม

คลื่นไฟฟ้าในสมองเปลี่ยนไป

  • ขณะทำสิ่งที่รัก คลื่นสมองไฟฟ้าในสมองจะทำงานร่วมกัน (Synchronize) ได้ดีขึ้น
  • คลื่นไฟฟ้าในสมอง เปลี่ยนจากคลื่นสมองจากเบต้า (Beta waves – การคิดแบบวิเคราะห์) → เป็นคลื่นอัลฟาและเธตา (Alpha-Theta) ซึ่งสัมพันธ์กับความสงบและความคิดสร้างสรรค์

การทำสิ่งที่รัก ยับยั้งความคิด "ฟุ้งซ่าน"

  • ขณะทำสิ่งที่รัก สมองจะยับยั้งการทำงาน Default Mode Network (DMN) ลงชั่วคราว: DMN คือเครือข่ายสมองที่ทำงานตอนเราคิดฟุ้งซ่าน หรือคิดถึงแต่อดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังไม่เกิด → DMN ทำให้เกิดความกังวล
  • แต่ตอนสมองอยู่ในภาวะ Flow State → DMN ถูกระงับชั่วคราว ทำให้จิตนิ่งและอยู่กับ “ปัจจุบันขณะ” (Present Moment Awareness) ได้มากที่สุด

ในหนัง F1

เมื่อได้ขับรถในสนามแข่ง พระเอกกล่าวว่า “ทุกอย่างเงียบ เวลาช้าลง เหมือนกำลังบินอยู่”


คุณคิดว่า Flow State เป็นสิ่งสำคัญไหม?

คำตอบคือ "ไม่ใช่ทุกคน" ที่รู้สึกว่าสำคัญ

นี่คือความหลากหลายของมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรตำหนิ ควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา

มุมมองส่วนตัว: สำหรับผม Flow State สำคัญมากทีเดียว จึงทำให้ผมอินกับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ผมคิดว่า เงินสำคัญต่อการดำรงชีพ

แต่สาเหตุที่คนส่วนนึงรักในงานบางอย่างที่แม้จะไม่ได้รับค่าตอบแทนสูง ส่วนหนึ่งอาจเพราะพวกเขาเหล่านั้นอยากสัมผัสประสบการณ์ Flow State บ่อย ๆ ซึ่งเป็นผลดีกับสมองก็เป็นได้

คำอธิบายของคำกล่าวที่ว่า

ความรู้สึกที่ได้ทำสิ่งที่รักแล้วทำให้ชีวิตรู้สึกมีความหมาย

อาจมาจากคำอธิบายข้างต้นก็เป็นได้ครับ

แล้วตัวคุณล่ะ?

คุณมีสิ่งที่ทำแล้วตกหลุมรักจนลืมห้วงเวลาไปไหมครับ?

ถ้าตามหาสิ่งนั้นเจอความเห็นส่วนตัว การทำสิ่งเหล่านั้น คือ สิ่งที่ทำให้ตัวเอง “รู้สึกมีคุณค่า” อย่างมากครับ


สรุป