Enhanced Ghost Header with Universal Hamburger Menu
VITAL MASTERY
VITAL MASTERY
บทความ

5 รองเท้าผ้าใบ ใส่สบาย ไม่ปวดเท้า เดินเยอะ ยืนนาน (2025)

แนะนำเคล็ดลับการเลือกซื้อรองเท้า หากต้องเดินนาน ลดปวดเท้า ใส่สบาย และรีวิว 5 รุ่นยอดนิยม

5 รองเท้าผ้าใบ ใส่สบาย ไม่ปวดเท้า เดินเยอะ ยืนนาน (2025)

Disclaimer

  • ** บทความนี้เขียนขึ้นจากมุมมองของผู้สวมใส่ธรรมดา ไม่ใช่ในฐานะแพทย์ที่ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ และไม่ได้อ้างว่าสินค้าเหล่านี้มีสรรพคุณทางการแพทย์แต่อย่างใด **
  • ** บทความนี้ไม่มีความสัมพันธ์หรือผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ไม่มีการรับเงินหรือรับรองจากแบรนด์ใดทั้งสิ้น **
  • ** รองเท้าทุกรุ่นที่นำมารีวิว เกิดจากการสวมใส่จริง เดินทดสอบจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลจากประสบการณ์ตรง **

ปัญหา: เดินนานแล้วปวดเท้า

การเดินนาน เช่น ขณะทำงาน ขณะเที่ยวต่างประเทศ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกคน

การเลือกรองเท้าผ้าใบที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างมาก

บทความนี้จะอธิบายว่ารองเท้าประเภทใดที่เป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมสำหรับการเดินนาน พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลเบื้องหลังว่า เหตุใดรองเท้าประเภทนี้จึงตอบโจทย์การเดินระยะไกลได้เป็นอย่างดี

พร้อมทั้งยกตัวอย่างรองเท้าที่เหมาะสมกับการใส่เดินนานมาให้เป็นตัวอย่าง เพื่อให้คุณได้พิจารณาประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ

ข้อมูลและประสบการณ์รีวิวต่อจากนี้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ แต่เป็นความเห็นจากผู้ใช้จริงที่ผ่านการสวมใส่และทดลองเดินระยะทางต่างๆ อย่างครอบคลุม เพื่อค้นหารองเท้าผ้าใบใส่เดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่มอบความสบายสูงสุดสำหรับทุกย่างก้าวของคุณ


รองเท้าผ้าใบ VS รองเท้าแตะ

จริงไหม หากเดินนาน ใส่รองเท้าผ้าใบดีกว่าใส่รองเท้าแตะ?

ก่อนตอบคำถามสำคัญนี้ ขอชี้แจงก่อนว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกเช่นนั้น" เช่น บางคนอาจรู้สึกว่าการใส่รองเท้าแตะให้ความสบายสูงกว่ารองเท้าผ้าใบในการเดินระยะไกล

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากแต่ละบุคคลมีปัจจัยต่อไปนี้แตกต่างกัน

  • ความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ขา และเท้า
  • ลักษณะทางกายวิภาคของเท้าและข้อเท้า
  • ความฟิตของร่างกายโดยรวมหรือสมรรถภาพทางกาย

ดังนั้น ในกลุ่มผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวมา คำกล่าวข้างต้นอาจ "ไม่เป็นความจริงเสมอไป" และขอแสดงความยินดีด้วยหากคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น การไม่ปวดเป็นลาภอันประเสริฐยิ่งนัก

ต่อมา ขอโฟกัสเฉพาะกลุ่มผู้คนธรรมดาทั่วไป ที่หากใส่รองเท้าแตะและเดินเป็นระยะเวลานาน เคยมีประสบการณ์ปวดเท้าอย่างชัดเจน ต่อไปนี้คือเหตุผลว่าเหตุใดรองเท้าแตะจึงไม่เหมาะสมกับกลุ่มผู้คนเหล่านี้

โดยทั่วไปแล้วรองเท้าแตะมีลักษณะดังนี้

  • มีโครงสร้างของรองเท้าหรือพื้นที่ในการรองรับเท้าที่จำกัดมาก
  • ไม่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการเดินระยะไกลหรือใช้งานเป็นเวลานาน
  • รองเท้าเปิดโล่ง ขาดโครงสร้างที่จำเป็น เช่น ไม่ได้มีโครงสร้างที่คอยซัพพอร์ตข้อเท้าและเท้าอย่างเพียงพอ

หากต้องเดินเป็นระยะทางมาก โดยทั่วไปแล้ว การเลือกรองเท้าผ้าใบที่มีคุณสมบัติซัพพอร์ตเท้าอย่างครอบคลุม หรือ รองเท้าสายซัพพอร์ต (Stability Shoe) จะเป็นการเลือกที่ดีกว่า


ทำความรู้จักกับรองเท้าสายซัพพอร์ต (Stability shoe)

รองเท้าสายซัพพอร์ต (Stability Shoe) คือ รองเท้ากีฬาที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน (ส่วนใหญ่ มักเป็นรองเท้าวิ่งที่ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ) เพื่อพยุงอุ้งเท้าและควบคุมการลงน้ำหนักที่ผิดปกติ เช่น อาการเท้าล้มหรือเท้าแบน โดยจะเสริมโครงสร้างพิเศษบริเวณด้านในฝ่าเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้เท้าบิดเข้ามากเกินไปขณะเดินหรือวิ่ง

หากอธิบายให้เข้าใจง่าย รองเท้าประเภทนี้จะช่วยซัพพอร์ตส่วนอุ้งเท้าที่ต่ำกว่าปกติและปรับแนวข้อเท้าที่เอียงเข้าด้านในให้ตรงขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการบาดเจ็บและอาการปวดจากแรงกระแทกสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันรองเท้าสายซัพพอร์ต รุ่นใหม่ๆ มีการพัฒนาเทคโนโลยีอันทันสมัยให้ซัพพอร์ตเท้าเฉพาะเมื่อจำเป็น (Adaptive Stability) ทำให้รองเท้าไม่รู้สึกแข็งหรือเทอะทะเหมือนเทคโนโลยีในอดีต ผู้สวมใส่จะยังคงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเท้าที่เป็นธรรมชาติแต่ได้รับการประคองเท้าอย่างเหมาะสมไปพร้อมกัน


คำถาม: ไม่ได้เป็นเท้าแบน ใส่รองเท้าสายซัพพอร์ต แล้วลดการปวดเท้าจากการเดินนานได้หรือไม่

คำตอบคือ "ได้อย่างแน่นอน"

แม้คุณจะไม่มีปัญหาภาวะเท้าแบน (Flat Feet) หรือเท้าล้ม (Overpronation) การใส่รองเท้าสาย Stability ที่มีระบบซัพพอร์ตก็สามารถช่วยลดอาการปวดเท้าและความเมื่อยล้าเมื่อเดินเป็นระยะเวลานานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง


6 องค์ประกอบหลักที่ทำให้รองเท้าสายซัพพอร์ตช่วยลดการปวดเท้าได้ในเท้าปกติ

เหตุผลที่รองเท้าสายซัพพอร์ตสามารถช่วยลดการปวดเท้าได้ แม้ในผู้ที่มีเท้าปกติ เกิดจากองค์ประกอบสำคัญ 6 อย่าง ได้แก่:

  1. มีส่วนพยุงส้นเท้าที่มั่นคง (Rigid Heel Counter)
  2. มีโครงสร้างของรองเท้าที่เปิดกว้าง (Wide Platform)
  3. มีพื้นรองเท้าส่วนกลางทนต่อการบิด (Torsional Rigidity of Midsole)
  4. มีส่วนพยุงอุ้งเท้าที่เหมาะสม (Arch Support)
  5. มีพื้นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม (Good Shock Absorption of Outsole)
  6. มีคุณสมบัติการส่งแรงคืนที่ยอดเยี่ยม (Energy Return)

ขอขยายความทีละประเด็นอย่างละเอียดถี่ถ้วน


1. มีส่วนพยุงส้นเท้าที่มั่นคง (Rigid Heel Counter)

ส่วนที่พยุงส้นเท้า (Heel Counter) จะอยู่ด้านหลังของรองเท้า หากส่วนพยุงส้นเท้ามีลักษณะด้านนอกที่แข็งแรงและมั่นคง (Rigid Heel Counter) จะคอยช่วยล็อกส้นเท้าให้อยู่กับที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ลื่นหรือหลุดแม้เดินบนพื้นลาดเอียงหรือทางขรุขระ

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • ช่วยให้เท้าและข้อเท้าอยู่ในแนวที่ถูกต้องตามหลักกายวิภาค เมื่อส้นเท้าไม่ขยับเกินความจำเป็น เท้าและข้อเท้าจะปรับตัวให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นกลางตามธรรมชาติ (Neutral Position) ที่ร่างกายได้รับการออกแบบมา ส่งผลให้ป้องกันการบิดเท้าเกินไปทั้งด้านใน (Pronation) และด้านนอก (Supination) ลดอาการปวดข้อเท้าหรือฝ่าเท้าได้อย่างชัดเจน ทำให้เดินต่อเนื่องได้อย่างสบายและราบรื่น
  • ลดภาระการทำงานของกล้ามเนื้อรอบเท้า เมื่อส้นเท้าคงที่อยู่กับที่อย่างมั่นคง กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อเท้าก็ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อปรับท่วงท่า ทำให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลงขณะเดินเป็นระยะเวลานาน พื้นรองเท้าที่มีคุณภาพดีจึงบรรเทาความอ่อนล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
  • ช่วยให้เตรียมรับแรงสะท้อนได้ดีเยี่ยม ส้นเท้าที่อยู่นิ่งยังช่วยให้ชั้นรองเท้าสามารถดูดซับแรงสะท้อนจากพื้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้แรงกระแทกไม่ถูกส่งขึ้นไปยังเข่า สะโพก หรือหลังอย่างรุนแรงเกินไป เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเดินนานบนพื้นแข็ง


2. มีโครงสร้างของรองเท้าที่เปิดกว้าง (Wide Platform)

การมีโครงสร้างของรองเท้าที่เปิดกว้างขึ้น ทำให้รองเท้านั้นมีพื้นที่สามมิติ (3-Dimension Space) เพียงพอกับรูปร่างเท้าของแต่ละบุคคล ทั้งในแง่ความกว้าง (Width) และความลึก (Depth) ของรองเท้าอย่างเหมาะสม

ในทางกลับกัน หากเป็นรองเท้าแฟชั่นทั่วไป พื้นที่ข้างในของรองเท้าอาจมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้เท้าถูกบีบอัดอยู่ในพื้นที่แคบ จึงทำให้เท้าไม่ผ่อนคลาย เสี่ยงต่อการเกร็งเท้าตลอดระยะเวลา

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • เพิ่มพื้นที่ให้เท้าวางตัวได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อพื้นรองเท้ากว้างขึ้น เท้าของเรามีพื้นที่กระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องยืนหรือเดินบนฐานแคบที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง การมีพื้นที่โล่งให้เท้าและนิ้วเท้าเคลื่อนไหวอย่างสบาย ส่งผลให้เดินได้นานโดยไม่รู้สึกปวดเท้าเร็ว
  • การเพิ่มพื้นที่ช่วยให้เท้ารู้สึกมั่นคงและแข็งแรง ฐานกว้างช่วยกระจายแรงที่เท้าก้าวลงไป ซึ่งจะซัพพอร์ตการเดินให้รู้สึกมั่นคงและต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่แรงมหาศาล แต่ช่วยให้เดินสะดวกขึ้นในระยะยาวได้อย่างชัดเจน
  • ท่าเดินตรงตามแนวที่เหมาะสม เป็นธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเท้าวางมั่นบนพื้นกว้าง ท่วงท่าเวลาเดินหรือตั้งตรงจะถูกช่วยให้เป็นธรรมชาติ ร่างกายไม่ต้องเอียงหรือปรับน้ำหนักเพื่อทรงตัว ผลคือลดความล้าของกล้ามเนื้อขา สะโพก และหลังได้ง่ายขึ้น

3. มีพื้นรองเท้าส่วนกลางทนต่อการบิด (Torsional Rigidity of Midsole)

ธรรมชาติของเท้าคนเรา เวลาเดินไปบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ เช่น พื้นขรุขระ หรือเดินเป็นเวลานาน เท้าของเรามักถูกบิดเล็กน้อยในแต่ละก้าวที่เดิน โดยเฉพาะบริเวณกลางเท้า (Midfoot)

การบิดเล็กน้อยไปมาของเท้าส่วนกลาง อาศัยกลไกการทำงานร่วมกันของการเรียงตัวของกระดูกเท้า เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อของขาและเท้า ประโยชน์ที่ได้คือการทรงตัวของเราดีขึ้น แม้จะเดินเท้าเปล่าบนพื้นไม่เรียบก็ตาม

คุณสมบัติธรรมชาติของเท้าในการปรับตัวนี้ เป็นเรื่องปกติที่พบในทุกคน หากเท้าส่วนกลางของคนเราไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว เวลาเราเดินบนพื้นไม่เรียบ เราจะทรงตัวไม่อยู่ เสี่ยงต่อการหกล้ม

ปัญหาเกิดขึ้นหากเราเดินบนพื้นไม่เรียบ หรือเดินนานถึงจุดหนึ่ง คุณสมบัติดังกล่าวจะเริ่มสูญเสียไปชั่วคราว

พื้นรองเท้าที่ทนการบิด (Torsional Rigidity) คือ ไม่งอหรือบิดตัวง่ายเกินไปเวลาเดิน จะช่วยให้เท้าส่วนกลาง (Midfoot) มั่นคงมากขึ้น มีก้าวเดินที่เสถียร ไม่ต้องปรับท่วงท่าจากการบิดเท้าไปมาในรองเท้าบ่อยเกินไป

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • ลดภาระงานของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ถ้าเท้าบิดในรองเท้าบ่อย กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต้องทำงานตลอดเวลา พื้นรองเท้าส่วนกลางที่ทนต่อการบิดช่วยให้ไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อปรับท่าอยู่เรื่อยๆ เมื่อเดินเป็นเวลานาน
  • เดินคล่องตัวขึ้น ลดการเมื่อยล้าของเท้าจากการเดินระยะไกลได้ เพราะกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทำงานน้อยลง

4. มีส่วนพยุงอุ้งเท้าที่เหมาะสม (Arch Support)

ในผู้คนธรรมดาทั่วไป ที่มีเท้าปกติ ไม่มีเท้าแบน แต่ไม่ได้มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงนัก (เมื่อเทียบกับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ) หากเดินเป็นระยะเวลานาน กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นส่วนที่พยุงอุ้งเท้าจะเริ่มล้าและเริ่มพยุงอุ้งเท้าไม่ค่อยไหว ส่งผลให้เท้าบิดเข้าด้านในชั่วคราว (Overpronation) ปัจจัยนี้ส่งผลให้การลงน้ำหนักของฝ่าเท้าผิดไปจากธรรมชาติ ไม่เหมือนตอนเดินในช่วงแรกๆ ในขณะที่ยังไม่ล้า

ดังนั้นรองเท้าสายซัพพอร์ตจึงตอบโจทย์ในส่วนนี้ โดยมีส่วนพยุงอุ้งเท้าที่เหมาะสม เพื่อให้เมื่อเดินไปเป็นเวลานาน เท้าจะยังคงรักษารูปร่างของอุ้งเท้าไว้ได้อยู่ ไม่บิดเข้าด้านใน

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • ทำให้เดินมั่นคงและแข็งแรง การพยุงอุ้งเท้าช่วยให้เท้า ข้อเท้า และรูปร่างกายของเราอยู่ในแนวที่สมดุล (Good Alignment) ไม่โค้งหรือบิดเกินไป นี่คือเหตุผลที่ช่วยป้องกันการพลิกข้อเท้า และช่วยให้อาการเจ็บ เช่น ปวดฝ่าเท้า หรือข้อเท้า ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • กระจายน้ำหนักทั่วฝ่าเท้าอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม แผ่นพยุงอุ้งเท้าช่วยให้ลดแรงกดบริเวณเท้าด้านใน ซึ่งอาจมีมากเกินไปหากเดินเป็นเวลานาน โดยกระจายแรงกดจากด้านในฝ่าเท้าออกไปทั่วฝ่าเท้า ทำให้รู้สึกสบายขึ้นเวลาเดินระยะไกลและลดความเมื่อยล้าที่ฝ่าเท้าด้านใน ซึ่งเป็นบริเวณที่รับผิดชอบต่อแรงกดมากเกินไป

5. มีพื้นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม (Good Shock Absorption of Outsole)

พื้นรองเท้าที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม (Shock Absorption) จะช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นเมื่อเดินบนคอนกรีต พื้นดิน หรือพื้นหินโบราณ เป็นต้น การลดแรงกระแทกแม้เพียงเล็กน้อยต่อหนึ่งก้าว ส่งผลเชิงบวกมหาศาลหากการลดแรงกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฝ่าเท้าจากการเดินเป็นระยะเวลานาน การดูดซับแรงซ้ำๆ ในทุกก้าวที่เดิน จะลดการปวดฝ่าเท้าได้อย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อพื้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทกได้ดี จะช่วยลดแรงที่ส่งผ่านขึ้นไปตามโครงสร้างร่างกายส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไป ได้แก่

  • เข่า ลดการกระแทกที่เข่า ซึ่งช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดเข่าเรื้อรัง
  • สะโพก แรงสะเทือนที่ลดลงทำให้สะโพกรับน้ำหนักน้อยลง ลดการอักเสบ
  • หลังส่วนล่าง แรงกระแทกน้อยลงทำให้กล้ามเนื้อหลังล่างและกระดูกสันหลังไม่ต้องรับแรงสะสมมากเกินไป

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • เดินนานขึ้นโดยไม่ปวด เพราะเมื่อแรงกระแทกถูกซึมซับไปโดยพื้นรองเท้า จะทำให้เท้าไม่ต้องรับโหลดมาก กล้ามเนื้อก็ไม่ล้าเร็ว
  • ปกป้องร่างกายส่วนอื่นด้วย แรงกระแทกที่ลดที่เท้า จะไม่ส่งขึ้นไปทำร้ายเข่า สะโพก หรือหลังส่วนล่าง

6. มีคุณสมบัติการส่งแรงคืนที่ดี (Energy Return)

เมื่อเราก้าวลงบนพื้น รองเท้าสาย Stability จะมีพื้นรองเท้าที่มีวัสดุยืดหยุ่น เช่น โฟมหรือเจล ซึ่งจะยุบตัวเพื่อดูดซับแรงกระแทก จากนั้นเมื่อยกเท้าขึ้น พื้นรองเท้าจะขยายตัวคืนรูป บางส่วนของพลังงานจากแรงกดถูกส่งคืนกลับ ช่วยดีดเท้าของเราให้ก้าวถัดไปได้คล่องตัวขึ้น (ไม่ใช่แรงมากมาย แต่ช่วยลดความเหนื่อยในการเดิน)

ผลลัพธ์ที่ได้รับ

  • ช่วยลดความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ แรงคืนจากพื้นรองเท้าจะช่วยแบ่งเบาภาระของกล้ามเนื้อที่ต้องดึงเท้าขึ้นในแต่ละก้าว แม้จะเป็นแรงเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเดินกว่าวันละหลายพันก้าว ก็ช่วยให้เดินได้นานขึ้นโดยรู้สึกเหนื่อยน้อยลง
  • รู้สึกเดินนุ่ม เดินต่อเนื่องได้ดีขึ้น พื้นรองเท้าคล้ายสปริง (Bounce) ทำให้ทุกก้าวไม่รู้สึกกระแทกแรง เหมือนมีแรงดีดช่วยจากพื้น เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้สึกว่าเท้าจมจมหรือหนักเกินไป
  • ไม่ต้องใช้แรงมหาศาลในการเดิน รองเท้าสายซัพพอร์ตที่มีคุณภาพดี อาจส่งคืนแรงกลับได้ 60-80% ของแรงที่ถูกกดลงไป แม้จะไม่ช่วย "พุ่งไปข้างหน้า" แบบเทคโนโลยีระดับนักกีฬา แต่ก็นับเป็นการรักษาแรงไม่ให้หายไปเปล่า ช่วยให้ร่างกายเดินได้สบายและประหยัดแรงในระยะยาว

ผลลัพธ์โดยรวมที่ได้จากรองเท้าสายซัพพอร์ต (Stability Shoe)

กลไกทั้งหมดส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการเดินได้นาน ลดความเสี่ยงในการปวดเท้าและข้อเท้าอย่างมีนัยสำคัญ

รองเท้าสายซัพพอร์ตทุกรุ่น ล้วนมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ในทุกองค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้น แต่อาจมีคำเรียกองค์ประกอบแต่ละอย่างในชื่อที่ต่างออกไป เพราะเป็นชื่อที่เป็นชื่อทางการค้า ที่มีการจดสิทธิบัตร และเป็นคำทางการตลาด เพื่อดึงดูดให้ผู้คนสนใจมากขึ้น

แต่โดยหลักการแล้ว รองเท้าสายซัพพอร์ต ไม่ว่าจะรุ่นหรือแบรนด์ใด จะมีองค์ประกอบพื้นฐานดังที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด


ตัวอย่างรองเท้าสายซัพพอร์ตยอดนิยม 5 รุ่น

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Runner's World และการทดสอบจริง

(แหล่งอ้างอิง: ให้คลิกจากเวปไซต์ได้ ที่นี่ และ ที่นี่)

Asics Gel-Kayano

ตามข้อมูลในเว็บไซต์ Runner's World ซึ่งเป็นเว็บไซต์และนิตยสารที่ให้ข้อมูลในด้านการวิ่งหรือการเดินอย่างครอบคลุม ยกให้ Asics Gel-Kayano เป็นรองเท้าสายซัพพอร์ตที่ "ยอดเยี่ยมที่สุดหากพิจารณาโดยรวมในทุกๆ ด้าน" (Best Overall - Stability Shoe)

Image Credit: Amazon

ข้อดี (Pros)

  1. ความมั่นคงสูงสุด (Excellent Stability) จากโครงสร้างที่หลอมชิ้นโฟมหรือวัสดุแข็งไว้บริเวณส้นเท้า (Heel Counter) และฝั่งด้านในรองเท้า (Medial Counter) ศัพท์การค้าของ Asics เรียกว่า 4D Guidance System
  2. ความมั่นคงที่สามารถปรับตัวได้ตามการเคลื่อนไหว (Adaptive Stability) คือระบบในรองเท้าสายซัพพอร์ตที่ช่วยคุมแนวเท้าเมื่อจำเป็น
    1. ถ้าเท้าก้าวลงในแนวปกติ ระบบเสริมความมั่นคงไม่ได้ทำงานมากกว่าเดิม
    2. แต่หากเท้าเริ่มเอนเข้าหรือเอียงออก "Adaptive Stability" จะเริ่มเสริมความมั่นคงทันที ช่วยดึงแนวเท้าให้กลับมาตรง โดยไม่ทำให้รู้สึกรองเท้าบังคับหรือฝืดขณะเดิน
    3. กลไกการทำงานของระบบนี้ เกิดจาก
      1. ฐานรองเท้ากว้าง และ ส้นที่ลาดเอียงกว้าง (Beveled Heel และ Flared Base)
      2. โฟมหลายชั้นแบบมีความแข็งต่างกัน (Multiple-Density หรือ Layered Foam)
    4. ที่จริง รุ่นอื่นก็มีระบบนี้ แต่จากการใช้งานจริง และรีวิวโดยเว็บไซต์ Runner's World ณ ช่วงกลางปี 2025 พบว่า Asics ทำระบบ Adaptive Stability ได้ดีที่สุด
  3. ภายในรองเท้ามีการบุผ้าเสริมในบริเวณส้นรองเท้าที่หนากว่ารุ่นอื่น (Extra Padding in the Heel) ทำให้ใส่สบาย ไม่เจ็บส้นเท้า
  4. วัสดุด้านบน (Upper) ระบายอากาศดี ใช้ตาข่ายระบายอากาศ ทำให้ขณะเดินระยะไกล เท้าไม่อับหรือร้อนเกินไป

ข้อเสีย (Cons)

  1. ราคาสูง ในบรรดารองเท้าสายซัพพอร์ต ถือว่าราคาแพงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  2. เวลาเดินอาจรู้สึกแน่นกว่าที่คิดไว้ (Firmer Ride than Expected)
  3. รองเท้าหนัก แต่ตรงจุดนี้อาจไม่ถือเป็นข้อเสียเสมอไปสำหรับรองเท้าสายซัพพอร์ต เพราะต้องการน้ำหนักมากจากโครงสร้างที่แข็งแรงเพื่อคนที่ต้องการความมั่นคงของรองเท้าขณะเดินสูง

Brooks Adrenaline GTS

GTS ย่อมาจาก Go-To-Support

Image Credit: Amazon

ข้อดี (Pros)

  1. ความมั่นคงสูง เหมาะกับคนเดินโดยลงน้ำหนักที่ส้นเท้าแรง (Heel Strikers) มากกว่ารุ่นอื่น จากโครงสร้างที่หลอมชิ้นโฟมหรือวัสดุแข็งไว้บริเวณส้นเท้า (Heel Counter) และฝั่งด้านในรองเท้า (Medial Counter) ศัพท์การค้าของ Brooks นี้เรียกว่า GuideRails
  2. ความมั่นคงที่สามารถปรับตัวได้ตามการเคลื่อนไหว (Adaptive stability) แม้ไม่เท่า Acis Gel Kayano แต่ก็ไม่แข็งจนเกินไป
  3. วัสดุด้านบน (Upper) ระบายอากาศดี เอื้อต่อความสบายขณะสวมใส่ตลอดวัน
  4. ถูกกว่า เมื่อเทียบกับ Asics Gel Kayano

ข้อเสีย (Cons)

  1. พื้นส่วนกลางรองเท้า (Midsole) ค่อนข้างแน่น (Firm) อาจรู้สึกแข็งสำหรับบางคน ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัว
  2. ส้นฐานสูง (High Drop) สำหรับ Brooks Adrenaline GTS อยู่ที่ระดับประมาณ 12 มม. สำหรับบางคนอาจรู้สึกว่าเอียงมากเกินไป ทำให้ยืนทรงตัวลำบาก
    1. ส้นฐาน คือ ความแตกต่างระหว่างความสูงของพื้นรองเท้าบริเวณส้นกับส่วนหน้าเท้า
  3. ช่วงหน้าเท้า (Toebox) ค่อนข้างแคบ ทำให้บางคนรู้สึกว่าหน้าเท้าถูกบีบมากเกินไป เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  4. ลิ้นรองเท้าไม่มีร่องยึด (Non-Gusseted Tongue) จึงอาจมีอาการลิ้นขยับกับเท้าที่เดินได้ในบางครั้ง
    1. ลิ้นรองเท้า คือ ชิ้นวัสดุที่อยู่ด้านบนของส้นเท้า ติดตั้งอยู่ใต้เชือกรองเท้า ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชือกรองเท้าเสียดสีกับรองเท้า และช่วยกระจายแรงกดจากเชือกผูกรองเท้าให้กระจายตัวออกแรงอย่างสม่ำเสมอ
    2. ลิ้นรองเท้ามีร่องยึด (gusseted tongue) คือ ลิ้นรองเท้าที่มี ขอบด้านข้างเชื่อมติดกับตัวรองเท้า ไม่ได้ปล่อยให้ลิ้นรองเท้าขยับไปมาอย่างอิสระเกินไป โดยร่องยึดมีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
      1. ข้อดี คือ ป้องกันเศษสิ่งสกปรกและน้ำเข้าสู่รองเท้า และทำให้ลิ้นรองเท้าไม่ขยับไปมาหรือบิดตัวขณะเดิน ทำให้รู้สึกกระชับและสบายเท้าตลอดการเดิน 
      2. ข้อเสีย คือ ใส่เข้า–ถอดออกยุ่งยากมมากกว่าแบบไม่มีรองยึด และลดการระบายอากาศ
  5. รองเท้าหนัก แต่ตรงจุดนี้อาจไม่ถือเป็นข้อเสียเสมอไปสำหรับรองเท้าสายซัพพอร์ต เพราะต้องการน้ำหนักมากจากโครงสร้างที่แข็งแรงเพื่อคนที่ต้องการความมั่นคงของรองเท้าขณะเดินสูง

Hoka Arahi

Image Credit: Amazon

ข้อดี (Pros)

  • น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  • ความมั่นคงของเท้าปานกลาง ไม่แน่นเกินไป ด้วยโครงสร้างชื่อการค้าว่า J-Frame และพื้นรองเท้าส่วนกลาง (Midsole) ที่ทำจากโฟม EVA แน่นระดับกลาง ช่วยให้รู้สึกโครงสร้างแน่นน้อยกว่า (Less Firm) รุ่นอื่น

ข้อเสีย (Cons)

  • เนื้อที่ในรองเท้าแคบ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น หากต้องการใส่แผ่นรองเท้า (Insole) ที่ซื้อมาแยกต่างหาก อาจต้องระวัง เพราะเนื้อที่ในรองเท้าอาจไม่เพียงพอ
  • ช่วงหน้าเท้าแคบกว่ารุ่นอื่น ทำให้อาจต้องเลือกรุ่นหน้าเท้ากว้างพิเศษ (Wide หรือ Extra Wide) ไปตั้งแต่ต้น ในขณะที่รุ่นอื่นอาจเลือกความกว้างของหน้าเท้าแบบปกติได้ (Normal Width)
  • การระบายอากาศยังไม่ดี ถึงแม้ผ้าถักทอ (Knit) จะนุ่มสบาย แต่ยังไม่ระบายอากาศเท่าที่ควร ใส่แล้วอาจรู้สึกร้อนที่เท้าได้
  • คุณสมบัติการส่งแรงคืน (Energy Return) น้อยกว่ารุ่นอื่น เนื่องจากโครงสร้างที่ยืดหยุ่นกว่าและโฟมที่นิ่มกว่า ปัจจัยดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องแลกกับข้อเสียคือแรงคืนตัวที่น้อยกว่า ขณะใส่จึงไม่ให้ความรู้สึกที่ "เด้ง" มากนัก

New Balance Fresh Foam X860

Image Credit: Amazon

ข้อดี (Pros)

  • ราคาถูก เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  • ให้แรงส่งคืน (Energy Return) ดี เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  • ใส่แล้วไม่รู้สึกแน่นไป เนื่องจากโครงสร้างเน้นการซัพพอร์ต (Stability) น้อยกว่ารุ่นอื่น

ข้อเสีย (Cons)

  • ให้ความมั่นคงปานกลาง (Moderate Stability) ซึ่งน้อยกว่ารุ่นอื่น
  • การระบายอากาศยังน้อยเกินไป ไม่ดีเท่ารุ่นอื่น
  • ผ้าด้านบน (Upper) คุณภาพยังไม่ทนเท่ารุ่นอื่น เสี่ยงเกิดสึกหรือฉีกง่ายถ้าใช้งานหนักมาก
  • พื้นโฟมบางจุดไม่มียางคลุม ทำให้เสี่ยงสึกเร็วหากใช้เดินบนพื้นแข็ง

Saucony Guide

Image Credit: Amazon

ข้อดี (Pros)

  • หน้ารองเท้ากว้าง แม้ในรุ่นปกติ
  • พื้นรองเท้าโค้ง (Rocker) ทั้งในส่วนส้นเท้าและส่วนหน้าเท้ามากกว่ารุ่นอื่น ช่วยให้ก้าวเท้าไหลลื่นต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกสะดุด
  • น้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น

ข้อเสีย (Cons)

  • ความมั่นคงในขณะยืนลดลง เนื่องจากพื้นรองเท้าโค้ง (Rocker) ที่มากกว่ารุ่นอื่นนี้ ทำให้ยืนทรงตัวลำบากมากขึ้น
  • ความมั่นคงปานกลาง (Moderate Stability) เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  • เนื้อที่ในรองเท้าแคบ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น หากต้องการใส่แผ่นรองเท้า (Insole) ที่ซื้อมาแยกต่างหาก อาจต้องระวัง เพราะเนื้อที่ในรองเท้าอาจไม่เพียงพอ
  • พื้นยางยังปิดไม่ทั่ว (Exposed Midsole) ทำให้จุดที่ไม่มียางคลุมเสี่ยงสึกหรอเร็วกว่า
  • คุณสมบัติการส่งแรงคืน (Energy Return) น้อย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
  • รองเท้ากระชับเกินไป จากวิธีสวมที่เหมือนสวมถุงเท้า จากการมีตัวช่วยสายดึงส้น (Pull Tab)
  • พื้นรองเท้าแข็งเกินไป ไม่ค่อยมีการรองรับแรงกระแทกที่มากพอ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น

อย่าลืมปัจจัยความสวยงามและรสนิยม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า รองเท้าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับร่างกาย ไม่ต่างจากเสื้อผ้า นาฬิกา หรือสร้อยคอ ดังนั้นการคำนึงเรื่องความสวยงามของรองเท้า ถือเป็นเรื่องปกติมากและมีความสำคัญต่อการตัดสินใจ

หากคุณรู้สึกว่ารองเท้าใส่สบายมากก็จริง แต่รองเท้าไม่สวยหรือไม่ถูกใจ ให้คิดให้ดีก่อนซื้อ เพราะซื้อไปแล้ว มีโอกาสสูงมากที่คุณจะไม่ใส่และเก็บไว้ในตู้


คำแนะนำสำคัญ: อย่าเพิ่งซื้อตามบทความนี้

เพราะรองเท้าที่ดีที่สุด คือรองเท้าที่คุณใส่แล้วรู้สึกสบายและมั่นคงเมื่อยืนเดินมากที่สุด

ข้อดีและข้อเสียข้างต้นเกิดจากผู้เขียนสวมใส่เอง และอ่านรีวิวของเว็บไซต์รีวิวรองเท้าในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

ข้อดีและข้อเสียดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นกับคุณเลยก็เป็นได้ เพราะเท้าและรองเท้าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล

ดังนั้น คุณต้องไปลองรองเท้าที่ร้านจริง ไม่แนะนำให้ซื้อออนไลน์โดยที่ยังไม่ได้ลอง

การลองรองเท้า อย่าแค่วัดขนาดและลองในท่านั่ง ให้ใส่รองเท้าแล้วเดินอย่างน้อย 10 นาที ก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรองเท้าที่เหมาะสมกับเท้าของคุณจริงๆ


สรุป

  • การเดินระยะไกลเป็นเวลานานทำให้เกิดอาการปวดเท้าได้กับทุกคน
  • รองเท้าผ้าใบดีกว่ารองเท้าแตะสำหรับการเดินนาน (ยกเว้นคนที่มีร่างกายแข็งแรงพิเศษ) เพราะรองเท้าแตะขาดโครงสร้างซัพพอร์ตที่จำเป็น ไม่เหมาะกับการเดินระยะไกล
  • รองเท้าที่ตอบโจทย์คนที่ปวดเท้าจากการเดินนาน คือ รองเท้าสายซัพพอร์ต (Stability Shoe) ช่วยเพิ่มโอกาสเดินได้นานขึ้น และลดความเสี่ยงการปวดเท้าและข้อเท้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • รองเท้าสายซัพพอร์ต 5 รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Asics Gel-Kayano, Brooks Adrenaline GTS, Hoka Arahi, New Balance Fresh Foam X860, และ Saucony Guide
  • คำแนะนำสำคัญ คือ
    • พิจารณาความสวยงามประกอบ เพราะรองเท้าคือส่วนหนึ่งของการแต่งตัว
    • ไม่ควรซื้อตามรีวิวเพียงอย่างเดียว เพราะความเหมาะสมขึ้นกับปัจเจกบุคคล
    • ต้องไปลองที่ร้านจริง อย่าซื้อออนไลน์โดยไม่ได้ลอง โดยลองรองเท้าโดยการเดินอย่างน้อย 10 นาที ไม่ใช่แค่วัดขนาดในท่านั่ง